ชุดแต่งงานกับรูปร่าง







ก่อนเริ่มภารกิจเลือกสรรชุดแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวทุกคนควรตระหนักว่า ชุดที่คุณเห็นเป็นร้อยเป็นพันนั้น มีโครงสร้างพื้นฐานอยู่ 6 ประเภท และหนึ่งในหกนี้จะเป็นแบบที่เหมาะกับรูปร่างของคุณที่สุด หากคุณเรียนรู้แต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เมื่อเริ่มออกแรงมองหาชุดเจ้าสาว ไม่ว่าจะในห้องเสื้อชั้นนำ หรือเวดดิ้งสตูดิโอ คุณควรตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าโครงเสื้อแบบใดใส่แล้วสวยที่สุด ด้วยการขอลองชุดให้ครบทั้ง 6 สไตล์ แม้ว่าการตกแต่งภายนอกอาจไม่ตรงใจ ก็ควรสวมเพื่อดูโครงสร้างของชุดแบบที่เหมาะกับคุณ จะให้ความรู้สึกสบาย และดูเหมือนผอมเพรียวลงเลยทีเดียว

สำหรับเจ้าสาวที่เลือกตัดชุดกับดีไซเนอร์ที่ไม่มีเสื้อตัวอย่างให้ลอง ควรถือโอกาสช่วงที่ไปถ่ายภาพสตูดิโอ เลือกและลองชุดให้ครบทั้งหกแบบ เพื่อนำมาเป็นแนวทางปรึกษากับดีไซเนอร์ต่อไป เมื่อพบโครงสร้างชุดที่เหมาะกับคุณแล้ว จึงค่อยมาลงในรายละเอียด การปักประดับ และเนื้อผ้าที่จะช่วยให้ชุดสวยถูกใจในงบประมาณที่ตั้งไว้

โครงสร้างพื้นฐานทั้งหก ได้แก่

บอล กาวน์ (Ball Gown) เป็นชุดที่มีมาตั้งแต่สมัยวิกตอเรีย และกลับสู่ความนิยมอีกครั้งเมื่อ ดิออร์ นำมาดัดแปลงใหม่ในยุคทศวรรษที่ 1950 จากนั้นก็ไม่เคยเลือนหายไปอีกเลย โครงชุดแบบบอล กาวน์ ดูโรแมนติกที่สุดสำหรับเจ้าสาว เพราะเน้นเอวเล็ก โดยเส้นเอวอาจอยู่ที่เอวจริง หรือตัดแบบแหลมลงมาก็ได้ ตัวกระโปรงบานพองเพราะมีเพ็ตติโค้ตซ้อนหลายชั้น เจ้าสาวที่จะสวมชุดแบบนี้ ควรจะมีรูปร่างค่อนข้างสูง และเอวคอด หากตัวเล็กมาก จะดูเหมือนจมหายไปในชุด ถ้าอกใหญ่ ก็จะกลายเป็นอ้วนได้ ชุดบอล กาวน์ อาจดูฟูฟ่องน่ารัก หรือออกแนวสวยสง่า ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าที่ใช้


เอไลน์ (A-Line) ชุดทรงเอ มีเส้นกรอบเป็นสามเหลี่ยม กระโปรงบานน้อย ๆ โดยไม่มีจีบรูด เป็นโครงชุดที่ตกแต่งได้หลายแบบ อาจมีตะเข็บที่เอว หรือไม่มีก็ได้ อีกทั้งเส้นตะเข็บก็สามารถเพิ่มลดให้สูงต่ำกว่าเอวจริง เพื่อช่วยแก้ไขรูปร่างช่วงบนได้ตั้งแต่เกาะอกไปจนถึงคอเสื้อแบบต่าง ๆ เหมาะกับทุกรูปร่าง โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ไม่ค่อยสูง
พรินเซส (Princess) โครงสร้างของชุดแบบเจ้าหญิงค่อนข้างใกล้เคียงกับเอไลน์ ช่วงบนเข้ารูป แล้วค่อยผายบานออกในส่วนกระโปรง โดยมีเส้นตะเข็บคู่ด้านหน้าเป็นหลัก ตะเข็บที่ยาวจากขอบบนของชุดแคบลงตรงเอว แล้วลากผ่านเส้นสะโพกลงสู่ชายกระโปรง ส่งให้รูปร่างของผู้สวมใส่ สูงเพรียวขึ้น ตะเข็บคู่นี้อาจเน้นด้วยการกุ๊น ปักลูกปัด หรือวิธีอื่น ๆ

เอ็มไพร์ (Empire) ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยพระนางโจเซฟินของนโปเลียนแห่งฝรั่งเศส ชุดสไตล์นีโอคลาสสิกนี้มีเส้นเอวสูงอยู่ใต้อก ตัวกระโปรงพลิ้วเพราะใช้ผ้าบางเบา ช่วงบนที่เข้ารูปเน้นทรงทำให้เหมาะกับเจ้าสาวที่อกเล็ก แต่คนอกใหญ่ใส่แล้วอาจล้นเกิน เอวสูงทำให้โครงสร้างโดยรวมดูยาว จึงเหมาะกับเจ้าสาวร่างเล็ก กระโปรงของชุดแบบเอ็มไพร์อาจเป็นทรงแคบ บานน้อย ๆ หรือเอไลน์ก็ได้

เชลธ์ (Sheath) โครงสร้างแบบเชลธ์เน้นรูปร่าง กระโปรงทรงตรง ช่วงเก็บเข้าตะเข็บและดาร์ต มาริลีน มอนโร เป็นผู้นำแฟชั่นชุดแบบนี้ในยุคทศวรรษที่ 1950 ภาพรวมของชุดแบบเชลธ์เป็นได้หลากหลาย ขึ้นกับชนิดของผ้าและหุ่นของผู้สวมใส่ เหมาะทั้งกับเจ้าสาวที่สูงเพรียว และร่างเล็กบาง แต่คนสะโพกใหญ่ใหล่เล็กไม่ควรใช้โครงเสื้อแบบนี้ และถ้ามีพุงอาจดูเหมือนตั้งครรภ์

สลิปเดรส (Slip Dress) เจ้าสาวที่ชอบชุดแนวเรียบและมั่นใจในรูปร่าง ควรลองสวมชุดที่มีโครงสร้างแบบสลิปเดรสแนบเนื้อ ที่ดาราฮอลลีวู้ดสวมใส่กันในยุคทศวรรษที่ 1930 เหมาะกับเจ้าสาวหุ่นสวย ทั้งสูงและร่างเล็ก ส่วนเนื้อผ้าควรทิ้งตัวมีน้ำหนัก แต่ไม่หนา ชายกระโปรงจะตัดเป็นแบบสมมาตรก็สวย


go2.wordpress.com.jpg


Comments

Popular posts from this blog

ข้อคิดดีดี:ถอดรหัสรัก

เที่ยวไทยแลนด์ : มูร์ร่าห์ ฟาร์ม ฉะเชิงเทรา