ข้อแนะนำในการเลือกแหวนแต่งงาน

นักมานุษยวิทยาเชื่อว่าประเพณีการแลกแหวนแต่งงานเกิดขึ้นราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเส้นเลือดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ จึงเลือกที่จะสวมแหวนที่นิ้วนี้โดยเฉพาะ ในระยะแรกแหวนที่ใช้ก็เป็นวัสดุทรงกลมธรรมดาที่ทำจากหญ้าถัก ป่านถัก หรือไม่ก็เป็นขนหางม้าถัก ซึ่งเข้าใจว่าคู่สมรสจะสวมติดนิ้วไปจนกระทั่งเสื่อมสลาย จึงเปลี่ยนวงใหม่

มีเพียงชาวอียิปต์โบราณเท่านั้นที่สามารถใช้แหวนทองคำเกลี้ยงได้ ซึ่งใน
ยุคนั้นใช้แทนเงินได้ และยังเป็นเครื่องแสดงถึงความร่ำรวย รวมทั้งสถานะทางสังคมของบ่าวสาวอีกด้วย จนกระทั่งปีค.ศ. 1477 แหวนเพชรจึงกลายเป็นแหวนแต่งงานยอดนิยม เมื่ออาร์ชดยุคเม็คมิลแลนแห่งเยอรมัน มอบแหวนหมั้นเพชรแดคู่หมั้น-แมรี่แห่งแคว้นเบอร์กันดี

ทุกวันนี้แหวนไม่ว่าจะทำจากวัสดุชนิดไหนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานทั่วโลก และเป็นสัญลักษ์ของการแต่งงานไปเสียแล้ว คุณจะรู้ว่าใครคนนั้นมีเจ้าของหรือยัง ก็จากแหวนบนนิ้วนางของเธอ /เขานั่นเอง

แหวนเพชร

ถึงอย่างไรแหวนเพชรก็ครองใจคนไทยมานักต่อนัก เพราะเพชรหมายถึงความแข็งแกร่ง ไม่เปราะบาง และถ้าเป็นเพชรสีขาวยังหมายถึงความบริสุทธิ์ได้อีกด้วย ฉะนั้นคู่แต่งงานเก้าในสิบคู่จะเลือกแหวนเพชรเป็นแหวนแต่งงาน แต่จะเลือกอย่างไร เพราะสำหรับคนทั่ว ๆ ไปอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แล้ว เพชรก็ดูเหมือน ๆ กันไปหมด การเลือกซื้อแหวนเพชรยังคงเป็นคำถามคาใจบ่าวสาวมือใหม่ ผู้ไม่รู้จักมักคุ้นกับเรื่องเพชร ๆ พลอย ๆ มาก่อนเลย แต่คุณจะได้รู้จักเพชรมากขึ้นก็งานนี้แหละ

การเลือกซื้อแหวนเพชรตามมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลกนั้นไม่มีอะไรมาก ก็แค่พิจารณาจากคุณสมบัติทั้ง 4 ข้อต่อไปนี้
1. กะรัต
กะรัตคือมาตรวัดที่ใช้สำหรับวัดน้ำหนักเพชร หนึ่งกะรัตเท่ากับ 200 มิลลิกรัม หรือ 100 จุด ฉะนั้นเพชรขนาด 75 จุดจะมีน้ำหนักเท่ากับ ...กะรัต แต่ใช่ว่าราคาของเพชรจะขึ้นกับน้ำหนักอย่างเดียว ยังขึ้นกับสีความใสบริสุทธิ์ (
clarity) และการเจียระไน(cut) อีกด้วย

การเลือกรูปทรงในการเจียระไนประกับการเลือกตัวเรือนสามารถทำ
ให้เพชรดูเม็ดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงกว่าที่เป็นจริงได้ ฉะนั้นควรคุยกับร้านเพชรหลาย ๆ ร้าน เพื่อมองหาเพชรและตัวเรือนที่เหมาะกับนิ้วคุณ

2. สี
เมื่อมองด้วยตาเปล่า ผ่านสายตาของผู้ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเพชรเอาเสียเลย เพชรสีขาวดูจะมีสีไม่แตกต่างกัน ทั้งที่ความจริงแล้วถึงจะเป็นเพชรสีขาวก็เป็นเพชรมีสี ซึ่งสถาบันอัญมณีแห่งอเมริกา หรือจีไอเอ เขาแบ่งมาตรฐานของเพชรสีขาวไว้ดังนี้ เกรด
D ไปจนถึงZ (เพชรไม่มีสี หรือ colorless เป็นเพชรมีราคาแพงที่สุด)

เพชรสีขาว (
D-J) จะเหมาะกับตัวเรือนทองคำขาวแพลตตินั่ม ส่วนเพชรโทรสีขาวออกเหลือง(K-Z) นั้นเหมาะกับตัวเรือนทองคำ นอกจากนี้ยังมีเพชรหลากสีสันอีกด้วย แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้เป็นแหวนแต่งงาน อย่างไรก็ตามของอย่างนี้ก็ขึ้นกับความชอบของแต่ละคน เลือกตามความชอบ รสนิยมของคุณจะดีกว่า

3. ความใสบริสุทธิ์ (
clarity)
เพราะเพชรเกิดจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งผ่านกระบวนความร้อนใต้ผิวโลกเป็นเวลาหลายล้านปี จึงไม่แปลกที่จะมีตำหนิ ซึ่งอาจเกิดจากสินแร่ หรือรอยร้าวในเนื้อเพชรได้ แต่เราจะรู้ว่าเพชรนั้นมีตำหนิได้โดยผ่านแว่นขยาย ซึ่งมีอัตราขยายถึงสิบเท่าจากของจริง ระดับของตำหนิที่จีไอเอตั้งเอาไว้นั้นก็เริ่มตั้งแต่
F (Flawless) ไม่มีตำหนิเลย เรื่อยไปจนกระทั่งมีตำหนิ I (Included)

เพชรที่มีตำหนิตรงกลางเม็ดหรืออยู่ด้านบนนั้น มักจะทำให้เพชรดูหม่นมัว ไม่มีประกายเท่าที่ควร ไม่ควรเลือกซื้อ ขอแนะนำว่าถ้าต้องเลือกเพชรระหว่างเม็ดที่มีความใสบริสุทธิ์เม็ดเล็ก ๆ ซึ่งราคาสูงกว่า หรือเทียบเท่าเพชรเม็ดใหญ่ที่มีรอยร้าว ก็ขอให้เลือกเม็ดเล็กแต่บริสุทธิ์จะดีกว่า หรือหากต้องการเพชรเม็ดใหญ่ก็เลือกซื้อเม็ดที่มีตำหนิไม่ชัดนัก สามารถปกปิดได้ด้วยตัวเรือน โดยไม่มีผลต่อความงามของเพชรเม็ดนั้น

4. การเจียระไน (
cut)
เพชรที่ผ่านการเจียระไนโดยช่างฝีมือดี จะทำให้แสงที่ตกกระทบบนเพชร สะท้อนเข้าหากันเหมือนกระจกที่สะท้อนแสงแดด เป็นประกายระยิบระยับ โดยหลักการแล้วเพชรเม็ดหนึ่งจะมีเหลี่ยมประมาณ 58 เหลี่ยมด้วยกัน เพชรที่เจียรลึกเกินไป หรือตื้นเกินไปจะสะท้อนแสงไม่ดีเท่าที่ควร จึงมีราคาถูกกว่าเพชรได้รูปที่เจียระไนอย่างดี

นอกจากนี้การเจียระไนเพชรยังมีผลต่อการสะท้อนแสง ถ้าหากเป็นเพชรรูปทรงกลม (เช่นทรง
brilliant cut) จะสะท้อนแสงมากกว่าเพชรรูปทรงอื่น จึงเป็นรูปทรงยอดนิยมที่มักจะใช้ประดับบนยอดแหวนแต่งงาน

หลังจากรู้จักคุณสมบัติ ก็ยังมีเรื่องของตัวเรือน (ทั้งแพลตตินั่ม ทองคำขาว ทองคำ ราคาจะลดหลั่นกันตามสัดส่วนผสมของทองคำ) และรูปแบบของแหวนอีกว่าคุณจะใช้เพชรเม็ดเล็กๆ เรียงแถว หรือเพชรเม็ดโตแค่ไหน

ราคาเท่าไรจึงเหมาะ
ไม่มีสูตรตายตัวว่าแหวนของคุณควรจะอยู่ที่ราคาเท่าไร ขึ้นกับความชอบและเงินในกระเป๋า ถ้าไม่คิดจะสะสม ขอแนะนำว่าควรตั้งงบไว้ที่เงินเดือนของคุณคูณสองเข้าไป

แบบไหนจึงเรียกว่าพอดี

ไม่ว่าแหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงานก็ควรวัดขนาดให้พอดีกับนิ้วคุณ โดยสามารถสวมผ่านข้อนิ้วได้สบาย และนิ่งสนิทอยู่บนนิ้วไม่ลื่นหลุดง่าย และเนื่องจากพออากาศร้อน มือคุณจะบวมขึ้น ฉะนั้นแหวนของคุณควรจะมีที่เหลือพอสำหรับสอดไม้จิ้มฟัน

วิธีดูแลแหวนเพชรของคุณ
แม้เพชรจะขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่เพชรก็สามารถเป็นรอยได้ด้วยสารเคมีที่อยู่ในน้ำยาทำความสะอาด ควรระวังให้โดนคลอรีน หรือตรวจดูเรือนแหวนทุก ๆ หกเดือนว่าไม่มีส่วนไหนเผยอ งอ หรือหัก อันอาจจะทำให้เพชรหลุดได้ สำหรับการทำความสะอาดแหวนนั้น ทำได้ด้วยการแช่ในน้ำเย็นผสมกับแอมโมเนียจำนวนเท่ากัน นานประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด และวางทิ้งไว้บนผ้านุ่มแห้งสะอาด

แหวนปลอกมีด
แหวนทอง ทองคำขาวและแพลตตินั่มเรือนเกลี้ยง ที่เรียกกันว่าแหวนปลอกมีด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแหวนแต่งงาน เราคงไม่ต้องอธิบายกันถึงแหวนทองคำที่ขายกันตามร้านทองทั่วไป เพราะเรา ๆ ท่าน ๆ คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว

แต่สำหรับแหวนแพลตตินั่มนั้น เป็นแหวนซึ่งกำลังเป็นที่นิยมไม่แพ้

แหวนเพชร ด้วยเป็นวัสดุที่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับเพชร ทว่าถ้าหากคุณมีงบประมาณไม่มากพอ ก็อาจเลือกแหวนทองคำขาว เนื่องจากหน้าตาใกล้เคียงกับแหวนแพลตตินั่ม แต่สนนราคาถูกกว่า เนื่องจากแพลตตินั่มมีส่วนผสมทองคำอยู่ถึง 90เปอร์เซ็นต์

Tips ในการเลือกซื้อ
- ซื้อตามงบประมาณที่มีอยู่
- คุณตั้งใจจะใส่ตอนไหน ถ้าคิดว่าจะใส่ติดนิ้วทุกวันก็ต้องเลือกดีไซน์เรียบ ๆ ไม่หวือหวา แต่ถ้าใส่
เฉพาะตอนออกงานก็ต้องเลือกดีไซน์อีกแบบหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับความชอบของคุณนั่นเอง
- เลือกร้านที่น่าเชื่อถือ และอยู่มานาน ถ้าให้ง่ายควรเลือกซื้อตามเคน์เตอร์เครื่องเพชรในห้างสรรพสินค้า หรือเลือกซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ทิฟิเคท (certificated) ด้วย ซึ่งราคาจะแพงกว่าเพชรทั่วไป และเท่าที่สอบถามผู้เชี่ยวชาญบอกว่า "เขาโกงกันที่เพชร ตอนซื้อเราอาจซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ทิฟิเคทด้วย แต่หลังจากแกะเพชรจากใบเซอร์ทิฟิเคทแล้ว ก็ไม่สามารถการันตีได้เลยว่าช่างจะเปลี่ยนเพชรภายหลังหรือเปล่า บางคนถึงขนาดไปนั่งเฝ้าช่างเลยก็มี" ถ้าให้ดีก็ขอใบรับรองจากทางร้าน เป็นการรับประกันความมั่นใจอีกชั้นหนึ่ง
ถามว่ามีบริการรับแกะสลักชื่อฟรีด้วยหรือเปล่า
ให้ความสำคัญกับการวัดขนาด ควรวัดให้พอดีกับนิ้วตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นแหวนสำคัญจะไม่นิยมเปลี่ยนขนาด
การรับแหวนจากร้าน ต้องดูให้รู้ว่าเป็นเพชรเม็ดเดียวกับที่เราซ้อ ซึ่งก็จะยากสักหน่อย และดูการประกอบเข้ากับตัวเรือนว่าแข็งแรงหรือไม่ เพชรต้องไม่เขย่า หรือรู้สึกว่าก๊องแก๊ง เพราะถึงตัวเรือนจะบาง แต่ก็ทำจากทองคำ จึงไม่เบาหวิวเหมือนสังกะสี

Comments

Popular posts from this blog

ข้อคิดดีดี:ถอดรหัสรัก

เที่ยวไทยแลนด์ : มูร์ร่าห์ ฟาร์ม ฉะเชิงเทรา