การเคลื่อนย้ายเส้นเอ็น2 - สูตรลับสุขภาพดี

กระบวนท่าแรกที่มีชื่อว่า “อินทรีขยุ้มเหยื่อ” นั้น จะต้องทำความเข้าใจถึงที่มาก่อน คือลักษณะของนกอินทรีขยุ้มเหยื่อ หรือเหยี่ยวขยุ้มเหยื่อก็ได้ ว่าประสาททั้งหลายกับกรงเล็บนั้นสัมพันธ์กันอย่างไร 
ในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นหลักแห่งการวินิจฉัยอรรถคดีก็มีบัญญัติว่าผู้พิพากษาซึ่งจะพิจารณาตัดสินคดีนั้นจะต้องเล็งสายตาและปัญญาสอดส่องประเด็นอันพิพาททั้งปวง ตลอดจนข้ออ้างข้อเถียงและพยานหลักฐาน แม่นยำแล้วจึงถลาลงโฉบเอาเหยื่อนั้นไป
แม้ในธรรมชาติที่เป็นจริงของอินทรีหรือเหยี่ยวที่จะจับเหยื่อเป็นอาหาร ย่อมบินอยู่ในที่สูง สำรวมประสาททั้งกายให้มีความพร้อมสูงสุด เพ่งสายตาเล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกันก็ลู่กรงเล็บแล้วถลาลงไปที่เหยื่ออย่างรวดเร็ว พอได้ระยะอันเหมาะก็กางกรงเล็บอันคมกริบนั้นตะครุบเอาเหยื่ออย่างหนักหน่วงแม่นยำ แล้วโฉบขึ้นไปบนอากาศ
แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างประสาทภายในกับส่วนสมอง และบัญชาการมายังปีก หาง และกรงเล็บ ในขณะเข้าโจมตีก็ลู่กรงเล็บลงเพื่อไม่ให้ปะทะกับอากาศ ครั้นได้ระยะอันเหมาะก็ขยายกรงเล็บและเดินพลังอย่างหนักหน่วง ถลาลงโจมตีเอากรงเล็บขยุ้มจับเหยื่อถลาขึ้นไปบนอากาศ
ธรรมชาติเป็นเช่นนั้น โบราณาจารย์ทั้งหลายแม้ในวิชาพระธรรมศาสตร์ก็ได้เห็นและเข้าใจธรรมชาตินี้ โบราณาจารย์ทางด้านกำลังภายในก็รู้และเข้าใจในธรรมชาตินี้ จึงปรับแปรมาใช้เป็นกระบวนท่าแรก
เมื่อเข้าใจธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างสมอง ประสาท การบังคับร่างกายเคลื่อนพลังปราณ การขยับนิ้วทั้งมือและเท้าดังนี้แล้ว ก็จะรู้และเข้าใจถึงหลักการพื้นฐานแห่งวิชาพลังภายในกระบวนท่านี้
จากนี้ไปก็จะเป็นการเริ่มปฏิบัติหรือฝึกปฏิบัติในกระบวนท่าที่หนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “อินทรีขยุ้มเหยื่อ”
เริ่มต้นด้วยการยกมือทั้งสองข้างที่วางราบตรงไว้ข้างลำตัวขึ้นมาไว้ในลักษณะตั้งฉากกับลำตัว ข้อศอกชิดลำตัวและติดกับพื้น ตอนที่ยกมือขึ้นมาให้หุบนิ้วทั้งห้า เอาปลายนิ้วจรดกัน แล้วค่อย ๆ เกร็งแขนจากแขนท่อนบนขึ้นไปยังแขนท่อนล่าง ขึ้นไปที่มือและปลายนิ้วทั้งห้า แล้วขยับเคลื่อนการเกร็งโดยลำดับอีกครั้งหนึ่ง ลงไปยังจุดเดิม แล้วเคลื่อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ขั้นที่สอง ให้อ้านิ้วทั้งห้าออกในลักษณะกางนิ้ว แล้วงุ้มนิ้วเข้ามาประดุจดังกรงเล็บอินทรี และเกร็งพลังไว้ที่นิ้วทั้งห้า จากนั้นก็ขยุ้มนิ้วทั้งห้าจนปลายนิ้วทั้งหมดจรดที่ฝ่ามือ
ขั้นที่สาม คลายนิ้วที่จรดจรดอยู่ที่ฝ่ามือ แล้วค่อย ๆ กางออกไปยังลักษณะแบมือ
เมื่อกระทำในขั้นที่สามแล้วก็กลับไปเริ่มขั้นที่หนึ่ง สอง และสามใหม่ กระทำเช่นนี้สัก 5 นาที ในขณะเดียวกันก็เริ่มเกร็งพลังที่โคนขา เคลื่อนไปยังหน้าแข้ง เท้า และปลายนิ้วเท้า ในลักษณะอย่างเดียวกัน แต่คงไม่เหมือนกันแน่เพราะนิ้วเท้าสั้น ไม่อาจกระทำในลักษณะงอแบบขยุ้มได้ ก็ให้กระทำและเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกันก็เป็นอันใช้ได้
เมื่อขยับมือและเท้าดังกล่าวแล้ว จากนั้นก็ให้กระทำพร้อมกันทั้งมือและเท้าอีกสัก 5 นาที
ในระหว่างปฏิบัตินั้น อาจจะได้ยินเสียงเส้นเอ็นและข้อกระดูกลั่นดังกรุ๊บกรั๊บ หรือกร๊อบแกร๊บ หรือกรึ๊บกรึ๊บ ก็อย่าได้ตกใจประการใด ให้สังเกตเสียงดังนั้นให้จงดี
ถ้าลักษณะของเสียงดังกรุ่บกรุ่บ หรือกรึ๊บกรึ๊บ ก็แสดงว่าข้อกระดูกต่าง ๆ ยังมีความเป็นปกติดีเป็นส่วนใหญ่ แต่เส้นเอ็นและพังผืดเริ่มจะติดยึดกันบ้างแล้ว การปฏิบัติเช่นนี้จะส่งผลในภายหน้าให้การติดยึดของเอ็นและพังผืดค่อย ๆ คลายตัว จนมีความเป็นปกติในที่สุด
ถ้าเสียงดังกร๊อบกร๊อบ ก็แสดงว่าข้อกระดูกต่าง ๆ เริ่มติดยึดหรือติดขัดหรือเกิดความไม่สะดวกขึ้นแล้ว อันเป็นอาการเริ่มต้นของโรครูมาตอยหรือโรคไขข้อ หรือสภาพที่กระดูกเสื่อมไปเพราะอายุขัยที่ล่วงไปก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ต้องใช้อาหารเข้าช่วยบ้าง คือกินอาหารจำพวกที่มีแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้น เพื่อบำรุงกระดูกให้สมบูรณ์แข็งแรง
แต่ถ้าเสียงดังแกร๊บแกร๊บ ก็แสดงว่ากระดูกข้อต่างๆ เริ่มบางลง ซึ่งมีมาแต่เหตุสองสถาน คือเพราะความแก่ชราอย่างหนึ่ง หรือเพราะโรคข้อกระดูกที่ทำให้ไขกระดูกไม่สมบูรณ์ เปราะบาง จึงเกิดเสียงดังแกร๊บแกร๊บ ถ้าถึงขั้นนี้แล้วก็ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อบำรุงกระดูกอย่างจริงจังให้มากขึ้น
แต่พึงระวังว่ายาบำรุงกระดูกทุกชนิดมีผลข้างเคียงมาก อาจเกิดโรคกระเพาะ ลำไส้ หรือแพ้ยาจนตายไปเลยก็ได้ และถ้าตัดใจได้ว่าจะเยียวยาโดยวิถีธรรมชาติก็หมั่นกินอาหารที่บำรุงกระดูก ดื่มน้ำสะอาด หรือปฏิบัติตนโดยการดื่มน้ำ 5 แก้วก็จะยิ่งได้ผลดี เห็นทีจะฟื้นฟูให้ดีได้ หรืออย่างร้ายอาการก็จะไม่ทรุดในระดับเดิม
ระยะเวลาปฏิบัติ 5 นาทีหรือ 10 นาทีในท่านี้ ให้สังเกตดูโดยแยบคายก็จะพบว่าอาการตึงหรือความเครียดหรือความติดขัดบริเวณต้นคอหรืออาการปวดบริเวณศีรษะจะเหมือนมีอะไรมากระตุ้นปรี๊ดปรี๊ด หรือจี๊ดจี๊ด สักครู่หนึ่งก็จะค่อยบรรเทาเบาลงไป
ในกรณีรู้สึกปวดจี๊ดที่ศีรษะ แสดงว่าการเกร็งกำลังอาจจะมากเกินไป ดังนั้นในระยะต้นก็ให้ผ่อนการเกร็งลงมาสักหน่อยหนึ่ง อาการปวดจี๊ดที่ศีรษะก็จะบรรเทาลง จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มพลังขึ้นโดยสอดคล้องกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดจี๊ดที่น้อยลงนั้น
หากมีอาการเช่นนี้ก็จงรู้เถิดว่ามันมีอะไรมาอุดหรือเกรอะในท่อหรือเส้นเลือดในบริเวณสมองแล้ว แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตกใจ เพราะนี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าพลังที่ขับเคลื่อนไหนั้นเริ่มกระตุ้นให้สิ่งที่ติดขัดหรือเกรอะกรังหรือตีบตันค่อยๆ ทะลุทะลวงเป็นลำดับ ๆ ไป
เมื่อเข้าใจอย่างนี้ก็อย่าเป็นคนใจร้อนด่วนหาย เพราะความใจร้อนนั้นไม่เป็นคุณประโยชน์อันใดเลย ทำความเข้าใจเสียว่ายังมีเวลาอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องรีบต้องร้อน ถ้านึกสนุก ๆ ก็นึกเสียว่าเราจะปฏิบัติรักษาตัวแบบนี้ไปสัก 50-60 ปีก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะมีความหมายอยู่ในตัวว่าจะยังไม่ตายใน 50-60 ปีนี้ นี่เป็นเรื่องกล่าวสนุก ๆ เล่น ๆ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกปฏิบัติเท่านั้น
เพียงไม่ถึง 5 นาทีที่ปฏิบัติก็จะรู้สึกเหนื่อย บางครั้งก็มีเหงื่อออก เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอวัยวะภายในได้รับการออกกำลังด้วยวิธีการเดินพลัง ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับการออกกำลังภายนอก
เป็นแต่ว่าการออกกำลังในภายในนี้มันมีผลกระทบและเกิดโดยตรงขึ้นกับหัวใจ ปอด ตับ ไต สมอง และประสาททั้งมวล ดังนั้นแม้แค่เวลา 5 นาทีก็มีผลไม่ต่างกับการ จ็อคกิ้งหรือวิ่งรอบสนาม 30 นาทีเลย
เริ่มต้นทำได้อย่างนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ย่อมมีผลมาก เมื่อหมั่นทำทุกวันเข้าก็จะได้รับผลและอานิสงส์ของการปฏิบัติตนเป็นลำดับ ๆ ไป จนในที่สุดสิ่งที่เคล็ดขัดยอดหรือติดขัดในกาย หรือสิ่งที่ตีบตันเกรอะกรังอยู่ในประสาทหรือเส้นเลือดหรือท่อเลือดต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ สร่างหายไปจนเป็นปกติ
การปฏิบัติอย่างนี้มีเป้าหมายทำให้กายนี้มีความเป็นปกติตามสภาพที่พึงเป็น เพราะถึงเป็นวิชาที่ล้ำเลิศประการใดก็ไม่อาจล่วงพ้นกฎแห่งพระไตรลักษณ์ได้ คือไม่อาจห้ามหรือหนีความชราไปได้เลย แต่ว่าให้มันช้าสักหน่อย จนอายุค่อย ๆ เคลื่อนไปใกล้กัปหรือถึงกัปนั่นแล
ไม่เกินเดือนหรือ 45 วันดอก ก็จะรู้สึกว่าร่างกายมีความเบา มีความคล่องตัว หูตา การเคลื่อนไหวฉับไวขึ้น แม่นยำขึ้น อาการปวดศีรษะหากเคยเป็นก็จะหายไป อาการติดขัดตามคอ ตามไหล่ แขน ขา หรือเท้าก็จะหายไป นี่เรียกว่าได้นำพากายนี้ให้ถึงซึ่งความเป็นปกติแล้ว
แต่เท่านั้นก็ยังคงไม่พอ สำหรับผู้ที่มีความปรารถนาให้เกิดความก้าวหน้ามากขึ้นก็ปฏิบัติให้สูงขึ้นได้อีก ทำนองเดียวกับหลักปฏิบัติในวิชาพลังเอกธาตุ คือหลอมกาย ใจ และปราณ ให้เป็นหนึ่งเดียว
หมายความว่าเมื่อฝึกฝนและปฏิบัติจนมีความชำนาญ ร่างกายเข้าสู่ความเป็นปกติแล้ว ก็ใช้โอกาสนั้นฝึกปราณและฝึกใจในระดับที่สูงขึ้นไปด้วย ก็จะได้รับอานิสงส์อันประเสริฐ สมกับที่ได้เกิดมาเป็นเวไนยสัตว์
เริ่มต้นด้วยการประสานกายกับปราณก่อน นั่นคือเมื่อขยายนิ้วมือออกก็ให้หายใจออกให้หมดปอด เวลาขยุ้มนิ้วมือก็ให้หายใจเข้าให้เต็มปอด พยายามรักษาความสม่ำเสมอของระยะการขยายหรือการขยุ้มมือกับระยะการหายใจให้สอดคล้องต้องกัน
หายใจออกหมดปอดเมื่อใด นิ้วมือก็กางขยายเต็มที่เมื่อนั้น
หายใจเข้าเต็มปอดเมื่อใด นิ้วมือก็ขยุ้มเข้ามาจนจรดฝ่ามือเมื่อนั้น
นี่คือหลักการประสานกายและปราณให้เป็นเอกภาพ ตามหลักวิชาพลังเอกธาตุ
จากนั้นก็ผนึกจิตหรือใจกับกายและปราณให้เป็นเอกภาพต่อไป โดยสละละวางความนึกคิดทั้งปวงเสีย หันมาสนใจเพ่งเล็งอยู่ที่ปลายนิ้วมือหรือที่ปลายจมูกก็ได้เพียงจุดเดียวตลอดระยะเวลาที่หายใจออกและหายใจเข้า
ฝึกฝนจนชำนาญก็จะเกิดความสัมพันธ์ที่เป็นเอกภาพระหว่างกาย ใจ และปราณ ซึ่งก็คือการบรรลุถึงขั้นสูงประการหนึ่งในการฝึกพลังเอกธาตุด้วย
ต่อไปก็จะเป็นกระบวนท่าที่สอง ที่มีชื่อเรียกว่า “เสือบี้เห็บ”
การเลียนแบบธรรมชาติของสัตว์โดยเฉพาะเสือนั้นมีมาช้านานและถูกนำไปใช้ในหลักวิชาหลายแขนง ดังเช่นในตำราพิชัยสงครามก็มีวิธีจัดตั้งค่ายและวางรี้พลในลักษณะท่าทางของเสือ ในการฝึกวิชายุทธ์ของสำนักเส้าหลินและอีกหลายสำนักก็ใช้กริยาอาการตามธรรมชาติของเสือมาเป็นพื้นฐานการฝึกฝน
การฝึกฝนปฏิบัติในกระบวนท่าที่สองนี้ก็มีพื้นฐานมาจากธรรมชาติประการหนึ่งของเสือ คือเป็นปกติของสัตว์ทั้งหลายที่มักจะมีสัตว์เล็ก ๆ เบียดเบียน เช่น เห็บ เหาหรือหมัด ซึ่งจะเกาะอาศัยอยู่ตามซอกนิ้วมือนิ้วเท้า แล้วกัดกินดูดเลือดของเสือ ทำให้เกิดความรำคาญ เป็นที่มาแห่งโรค และบางครั้งก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ความตายได้ด้วย
กระบวนท่า “เสือบี้เห็บ” ก็คือการนำพื้นฐานจากการที่เสือใช้อุ้งตีนบดขยี้บี้เห็บ เหา หรือหมัดนั่นเอง
Comments
Post a Comment